เครื่องกรองน้ำ Reverse Osmosis (RO)

          เครื่องกรองน้ำที่ใช้เทคโนโลยี Reverse Osmosis (RO) เป็นระบบการกรองที่มีประสิทธิภาพสูงที่ทำให้น้ำบริสุทธิ์โดยการกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ โดยมีขั้นตอนการกรองหลายขั้นตอน ผ่านเมมเบรนกึ่งซึมผ่านได้ภายใต้ความดันสูง เมมเบรน RO มีรูพรุนที่เล็กมาก โดยทั่วไปมีขนาดตั้งแต่ 0.0001 ถึง 0.0005 ไมครอน ซึ่งสามารถกรองเกลือ โลหะหนัก แบคทีเรีย ไวรัส จุลินทรีย์ สารเคมี สารหนู ยาฆ่าแมลง ปรอท สนิม และสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโมเลกุลของน้ำบริสุทธิ์เท่านั้น ที่สามารถผ่านได้ ในขณะที่สิ่งเจือปนจะถูกกรองทิ้งและชะล้างออกไป เพื่อให้ได้น้ำบริสุทธิ์จริง ๆ และหลังจากผ่านการกรองด้วยเมมเบรน RO ในบางระบบอาจเพิ่มตัวกรองบางตัวเข้าไป เช่น ตัวกรองถ่านกัมมันต์ หรือตัวกรองเพิ่มแร่ธาตุ ตัวกรองเหล่านี้ช่วยปรับปรุงรสชาติ ขจัดกลิ่นตกค้าง และอาจเพิ่มแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์กลับเข้าไปในน้ำบริสุทธิ์

เครื่องกรองน้ำ RO

ข้อดีของระบบ Reverse Osmosis (RO)

  1. การกำจัดสิ่งปนเปื้อนอย่างมีประสิทธิภาพ: ตัวกรอง RO มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆ รวมถึงของแข็งที่ละลายน้ำได้ โลหะหนัก แบคทีเรีย ไวรัส ยาฆ่าแมลง และคลอรีน เมมเบรนแบบกึ่งซึมผ่านได้ที่ใช้ในระบบ RO สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.0001 ไมครอนได้ จึงมั่นใจได้ว่าน้ำมีคุณภาพสูง

 

  1. ปรับปรุงรสชาติและกลิ่น: การกรอง RO ช่วยปรับปรุงรสชาติ กลิ่น และความใสของน้ำอย่างมีนัยสำคัญ โดยการกำจัดสิ่งเจือปนและสารเคมีที่ส่งผลต่อรสชาติและกลิ่น ให้บริการน้ำดื่มที่สะอาด สดชื่น และสดชื่น

 

  1. การกรองที่ครอบคลุม: ระบบ RO มีการกรองที่ครอบคลุม ให้ความอุ่นใจด้วยการกำจัดสิ่งปนเปื้อนในวงกว้าง ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีคุณภาพน้ำไม่ดี หรือมีปัญหาสารปนเปื้อนในน้ำสูง เช่น เขตอุตสาหกรรม เป็นต้น

 

  1. น้ำบริสุทธิ์สูง: ตัวกรอง RO ผลิตน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูง สามารถกำจัดของแข็งที่ละลายน้ำได้มากถึง 99% ทำให้ได้น้ำที่ตรงหรือเกินมาตรฐานน้ำดื่ม

 

  1. ประหยัดค่าใช้จ่าย: การใช้เครื่องกรอง RO สำหรับน้ำดื่มอาจช่วยประหยัดเงินได้ เมื่อเทียบกับการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นแหล่งน้ำบริสุทธิ์ที่เชื่อถือได้ และสะดวกสบายในราคาที่ต้องจ่ายในการการติดตั้งแค่ครั้งเดียว
เครื่องกรองน้ำ RO

ข้อเสียของระบบ Reverse Osmosis (RO)

  1. การสร้างน้ำเสีย: ข้อเสียที่สำคัญประการหนึ่งของระบบ RO คือปริมาณน้ำเสียที่ผลิตจากน้ำบริสุทธิ์ ในทุก ๆ แกลลอน ตัวกรอง RO สามารถสร้างน้ำเสียได้ 2 ใน 3 หรือ 70% ของน้ำบริสุทธิ์ที่ใช้ไป ขึ้นอยู่กับระบบ และการตั้งค่า นี่อาจเป็นข้อกังวลของใครหลาย ๆ คน ที่อาศัยในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ

 

  1. การไหลของน้ำที่ลดลง: กระบวนการ RO เกี่ยวข้องกับแรงดันน้ำ ผ่านเมมเบรนที่หนาแน่น ซึ่งอาจส่งผลให้การไหลของน้ำช้าลง เมื่อเทียบกับวิธีการกรองอื่นๆ อาจต้องใช้ความอดทนในการบรรจุภาชนะขนาดใหญ่หรือรอให้น้ำเต็มแก้ว

 

  1. การกำจัดแร่ธาตุที่จำเป็น: นอกจากการกำจัดสิ่งปนเปื้อนแล้ว การกรอง RO ยังสามารถกำจัดแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ที่มีอยู่ในน้ำ เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม เพราะบางคนชอบดื่มน้ำที่มีแร่ธาตุตามธรรมชาติ แต่ก็สามารถเลือกรับประทานแร่ธาตุเหล่านี้ได้ จากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าทางสารอาหารสูงแทน

 

  1. การบำรุงรักษาเป็นประจำ: ตัวกรอง RO ต้องการการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเปลี่ยนตัวกรอง เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพสูงสุด ตัวกรองขั้นต้นจำเป็นต้องเปลี่ยนทุก 3 ถึง 6 เดือน ในขณะที่เมมเบรน RO มักจะอยู่ได้ 2 ถึง 3 ปี ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและความถี่ของการเปลี่ยนไส้กรอง

 

  1. ความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้า: ระบบ RO ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน โดยส่วนใหญ่จะจ่ายพลังงานให้กับปั๊มน้ำที่สร้างแรงดันที่จำเป็นสำหรับกระบวนการกรอง ซึ่งหมายความว่าจะมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการใช้งานระบบ RO

 

        สิ่งสำคัญคือต้องชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียเหล่านี้ โดยพิจารณาจาก คุณภาพน้ำ การตั้งค่า และทรัพยากรที่มีอยู่ก่อนตัดสินใจว่าเครื่องกรองน้ำระบบ RO เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่

       ถ้าหากท่าน มีข้อสงสัยประการใด สามารถติดต่อสอบถามเราได้ตลอดเวลาที่เราเปิดทำการ ตามช่องทางการให้บริการของเราได้ที่ ข้อมูลบริษัท หรือโทร 0-2888-1552, มือถือ 09-6594-9979 และ LINE ID : @sangpanya เรายินดีให้คำปรึกษาแก่ทุกท่านค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *